หากจะให้พูดถึงธุรกิจที่มาแรง และได้รับความนิยมในช่วงปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในธุรกิจแฟรนไชส์ที่คนที่อยากเริ่มทำธุรกิจหันมาให้ความสนใจมากที่สุดคงไม่พ้น “ธุรกิจร้านสะดวกซัก”
ต้องบอกว่าร้านสะดวกซักไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่เมื่อก่อนสิ่งที่เรามักจะคุ้นชิน และเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ก็คือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่ตั้งอยู่บริเวณตามคอนโด หอพัก อะพาร์ตเมนต์ ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการปรับจากเครื่องซักผ้าที่วางเรียงรายตามแต่ละจุด มาเป็นร้านสะดวกซัก ที่สามารถทำได้อย่างครบวงจรทั้งการซักผ้า อบผ้า พร้อมมีโซนที่นั่งพร้อมให้บริการระหว่างรอผ้าอีกด้วย และถือเป็นรูปแบบธุรกิจที่เพิ่งได้รับความนิยมในประเทศไทยได้ไม่นาน
ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภคและผู้ใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจจึงนำ Pain Point ของคนกลุ่มนี้มาปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัยที่มากขึ้น ซึ่ง Pain Point หลัก ๆ ของผู้ใช้งาน มีด้วยกันดังนี้
1. ไม่มีเวลา
การจะซักผ้าในแต่ละครั้งและรอให้แห้งถือว่าใช้เวลาแทบจะครึ่งค่อนวัน ธุรกิจนี้จึงเข้ามาตอบโจทย์เรื่องของเวลาเพราะเปิดให้ใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีความรวดเร็วและความสะดวกสบายในเรื่องของเวลาที่จำกัด ช่วยร่นระยะเวลา และสามารถใช้เวลาไปทำอย่างอื่นได้
2. ขนาดพื้นที่ที่จำกัด
ในปัจจุบันคนพักอาศัยอยู่คอนโด หอพักกันมากขึ้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้มีพื้นที่จำกัดในการวางเครื่องซักผ้า พอธุรกิจร้านสะดวกซักเข้ามาก็เป็นการช่วยประหยัดพื้นที่ไปในตัว
3. ความขี้เกียจ
Pain Point ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดธุรกิจนี้ขึ้นเกิดจากความขี้เกียจของผู้บริโภคและผู้ใช้งาน ร้านสะดวกซักจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้ทำให้ประหยัดเวลาในการซัก สามารถทิ้งผ้าทิ้งไว้ และมารอรับหลังเสร็จได้เลย
หากมองไปถึงกลุ่มลูกค้าร้านสะดวกซัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่พักอาศัยอยู่บริเวณนั้น หรือกลุ่มแบ็กแพ็กเกอร์ รวมไปถึงกลุ่มลูกค้า B2B เช่น โรงแรม ก็ได้ด้วยเช่นกัน
และยิ่งเมื่อมองไปถึงจุดแข็งของตลาดร้านสะดวกซักในมุมมองของผู้ประกอบการ หรือนักลงทุนที่แตกต่างจากเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญนั่นคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น
- การเช็กเครื่องซักผ้าที่ว่างผ่านแอปพลิเคชัน
- สแกนจ่ายผ่าน QR Code โดยไม่ต้องหยอดเหรียญ 10 บาท
- สามารถบริหารร้านค้าได้แบบ Real-Time
โดยแพ็กเกจแฟรนไชนส์ของธุรกิจร้านสะดวกซักมีหลายขนาด และราคาให้เลือก ซึ่งข้อดีของตลาดนี้หากได้ทำเลดี ก็จะช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาว เป็นอีกหนึ่งธุรกิจเสือนอนกินได้เลย Corpus X จึงชวนคุณมาดูผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซักในประเทศไทยว่าในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
Dr.TIGER LAUNDRY
บริษัท สยาม ซันชายน์ จำกัด
รายได้ปี 64 12,640,473.33 บาท
กำไรปี 64 452,414.77 บาท
อัตรากำไร 3.57%
LAUNDRYBAR
บริษัท ลอนดรี้บาร์ ไทย จำกัด
รายได้ปี 64 170,754,052.05 บาท
กำไรปี 64 10,688,933.42 บาท
อัตรากำไร 6.25%
Otteri Wash & Dry
บริษัท อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย จำกัด
รายได้ปี 64 129,443,066.72 บาท
กำไรปี 64 22,921,370.28 บาท
อัตรากำไร 17.70%
WashXPress
บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด
รายได้ปี 64 348,239,890.00 บาท
กำไรปี 64 51,962,525.00 บาท
อัตรากำไร 14.92%
Wonder Wash
บริษัท วีนัส ซัพพลาย จำกัด (สำนักงานใหญ่)
รายได้ปี 64 162,136,945.07 บาท
กำไรปี 64 - 14,260,185.13 บาท
อัตรากำไร - 8.79%
24 WASH Laundry
บริษัท พอช ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ จำกัด
รายได้ปี 64 190,110,083.30 บาท
กำไรปี 64 4,129,177.78 บาท
อัตรากำไร 2.17%
ธุรกิจร้านสะดวกซักจะกลายมาเป็นธุรกิจรูปแบบที่จะตอบโจทย์ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค และสร้างรายได้ในรูปแบบ Passive Income ให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจจะลงทุนแฟรนส์ไชส์ประเภทนี้ เพราะการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ ธุรกิจก็จะปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้